自己充足の経済哲学は、30年以上にわたりタイ人と共にあります

ที่มาของแนวคิดพอเพียงที่เปลี่ยนประเทศ

ในปี 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงเสนอแนวทางใหม่แก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ ท่านเน้นว่าการไปข้างหน้าจะต้องสร้างพื้นฐานให้มั่นคง คือ “ความพอมี พอกิน พอใช้”

ความจำเป็นในการนำเสนอแนวคิดดังกล่าวเกิดจากสถานการณ์ในช่วงนั้น ประเทศไทยใช้หนี้สินต่างประเทศเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการทำให้เป็นอุตสาหกรรม ส่งผลให้คนเลิกทำไร่เพื่อหวังผลกำไรขนาดใหญ่ ขยายพื้นที่เพาะปลูกอย่างไม่ยั่งยืน และเกิดความเหลื่อมล้ำ

ปี 2539 ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 พระองค์ท่านได้ทรงย้ำเตือน ว่า “เรื่องเป็นเสือหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญคือให้เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน ไม่ต้องสร้างให้ตัวเองหมดทุกอย่าง แต่หมู่บ้านหรือท้องถิ่นต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางอย่างขายไป เรื่องการขนส่งไม่ต้องไกลเท่าไร”

หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบ คนไทยจึงเริ่มหันมาเรียนรู้และปรับใช้แนวทางนี้อย่างจริงจัง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร จริง ๆ

เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจแบบเก็บตัวเอง หรือลดรายได้ให้น้อย แต่เป็นกรอบแนวคิดที่เน้นให้ทุกคนสามารถ พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ทั้งในระดับครัวเรือน ชุมชน และประเทศ

วัตถุประสงค์คือให้ผู้คนใช้ชีวิต ดำเนินธุรกิจ ทำการเกษตร บนพื้นฐานของ ความพอประมาณและสติหลักแหน่ง เพื่อให้มีความคุ้มครองตัวเองเมื่อเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลง

กุญแจสำคัญของปรัชญานี้คือ “พอเพียง” ซึ่งหมายถึง:

  • ความพอประมาณ (ไม่โลภ ไม่ประณรงค์)
  • ความมีเหตุผล (คิดให้ดี ก่อนทำ)
  • ระบบป้องกันตัวที่ดี (รู้จักบริหารจัดการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง)
  • ความรู้ (เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)
  • คุณธรรม (ซื่อสัตย์ และยุติธรรม)

3 ห่วง 2 เงื่อนไข คือ หัวใจของปรัชญาพอเพียง

เพื่อให้เข้าใจง่าย ลองนึกว่าการใช้ชีวิตแบบพอเพียงเหมือนการสร้างเรือที่ต้านทานพายุ

3 ห่วงคือโครงสร้าง:

1. ความพอประมาณ - รายได้และรายจ่ายต้องสมดุล ไม่ขาดทุน ไม่หนี้สิน ไม่ได้เพราะต้องการแบบโลภ แต่ได้เพราะสัตย์และขยัน

2. ความมีเหตุผล - ก่อนลงมือทำธุรกิจ ปลูกผัก หรือขยายใหญ่ ต้องคิดให้ดี เรียนรู้ก่อน ไม่ทำแล้วคิด

3. ระบบภูมิคุ้มกัน - เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเสี่ยงทั่วไป เช่น ฝนแล้ง ราคาตลาดตกลง ตัวเองต้องมีทางออก

2 เงื่อนไขคือเครื่องมือ:

ความรู้ - ต้องเรียนรู้ตลอด ไม่ว่า จากหนังสือ ผู้เชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ตัวเอง

คุณธรรม - ยึดหลักซื่อสัตย์ ขยัน เป็นสำคัญ ไม่ชิดเฉือน ไม่เอาเปรียบผู้อื่น

วิธีนำปรัชญาพอเพียงมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน

สำหรับบุคคล:

  • เลือกอาชีพที่ไว้ใจได้ และเรียนรู้อยู่เสมอ
  • หาความสมดุลระหว่างการทำงานและพักผ่อน ไม่ให้ตัวเองทำงานจนพลัง
  • วางแผนเงินระยะยาว เล่นฉลาดกับเงินออม
  • ใช้จ่ายตามสมควร ไม่ฟุ่มเฟือยแต่ก็ไม่หนิบหนำ
  • ก่อนตัดสินใจอะไร ค้นหาข้อมูล วางแผน พิจารณาผลเสีย

สำหรับกิจการ:

  • เลือกใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีที่เหมาะสมไม่ต้องแพงที่สุด
  • ผลิตเท่าที่ตัวเองควบคุมได้ ไม่ตามลมแล้งตอนผลกำไรขึ้น-ลง
  • แน่นอนต้องประกอบอาชีพอย่างสุจริต ไม่โกงลูกค้า
  • เน้นผลกำไรในระยะยาว ไม่หวัง “กำไรครั้งเดียว” แล้วป่วนประเทศ

ตัวอย่างจริง: เศรษฐกิจพอเพียงในเกษตร

แบบเบื้องต้น - สวนผสม: ไร่ปลูกข้าว ฟาร์มเลี้ยงปลา สระน้ำอเนกประสงค์ สวนผัก ไก่เลี้ยง แบบนี้ครัวเรือนเดียวมีรายได้หลายช่องทาง หากข้าวหรือผักตกราคา ยังมีรายได้จากปลาและไก่ครับ

เกษตรทฤษฎีใหม่: แบ่งที่ดินออกเป็น 4 ส่วนแบบ 30:30:30:10 เพื่อให้ครบทั้งพืช ปศุสัตว์ น้ำ และแหล่งอพยพเมื่อปัญหามา ห่างไกลจากการเพาะปลูกแบบเดียว

ระดับชุมชน: เกษตรกรรวมกลุ่ม จัดตั้งสหกรณ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ กู้เงินทุน ขายสินค้าเอง ไม่ต้องขายให้พ่อค้า ราคาถูกกดลง ได้ราคาเต็มที่ตามควร

สรุป: ปรัชญาที่ยั่งยืนกว่า 30 ปี

เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่อาหารบำรุงแค่สำหรับเกษตร แต่นำไปใช้ได้กับ:

  • ธุรกิจค้นหา บัญชี
  • โรงแรม ร้านอาหาร
  • ผู้ค้า หรือแม้แต่การลงทุนต่างประเทศ

เพียงแค่ยึดหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข คือ “ไม่โลภ คิดให้ดี มีระบบป้องกัน เรียนรู้อยู่เสมอ และยึดคุณธรรม”

ประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นประเทศเกษตรกรรม หากยึดปรัชญานี้จริง ๆ ภาคเกษตรจะเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่โดนโลกาภิวัตน์ซัดล้ม และสังคมจะมีความสมดุลมากขึ้น

ท้ายที่สุด ปรัชญาพอเพียงคือวิธีการใช้ชีวิตที่เข้าใจความสำคัญของ “มี และรู้จักให้” กว่าแต่ “มีมาก แล้วปล่อยให้ผู้อื่นขาดแคลน”

原文表示
このページには第三者のコンテンツが含まれている場合があり、情報提供のみを目的としております(表明・保証をするものではありません)。Gateによる見解の支持や、金融・専門的な助言とみなされるべきものではありません。詳細については免責事項をご覧ください。
  • 報酬
  • コメント
  • リポスト
  • 共有
コメント
0/400
コメントなし
  • ピン