Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
Por que é importante conhecer o Balanço Patrimonial e a situação financeira?
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนหรือเจ้าของกิจการ การเข้าใจ balance คือ เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด งบการเงินที่มีชื่อว่า “งบดุล” นั้นแสดงให้เห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งช่วยให้คุณวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมได้
งบดุลคืออะไร บทบาทของมันในการตัดสินใจทางการเงิน
งบดุล (Balance Sheet) หรือ งบแสดงฐานะทางการเงิน คือ เอกสารที่แสดงว่าบริษัทมีทรัพยากรเท่าไร (สินทรัพย์) และได้มาจากไหน (หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ) ณ จุดเวลาที่กำหนด ความหมายอยู่ที่สมดุล—ทั้งสองด้านของสมการจะต้องเท่ากันเสมอตามหลักการพื้นฐาน
รูปแบบสมการที่ใช้คือ: สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
สมการนี้คือหัวใจของการบัญชี เนื่องจากแสดงว่าทรัพยากรทั้งหมดของกิจการนั้นมาจากแหล่งเงินทุนสองแหล่ง—เจ้าหนี้ (หนี้สิน) และเจ้าของ (ส่วนของเจ้าของ)
องค์ประกอบหลักของงบดุล ที่ต้องเข้าใจ
1. สินทรัพย์ (Assets) - ทรัพยากรที่กิจการเป็นเจ้าของ
สินทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามความสามารถในการแปลงเป็นเงินสด:
สินทรัพย์หมุนเวียน ได้แก่ เงินสด ลูกหนี้การค้า สินค้าคงเหลือ และทรัพย์สินอื่นที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ภายใน 12 เดือน ทรัพย์สินประเภทนี้มีความสำคัญต่อการดำเนินงานประจำวัน
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ได้แก่ ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร เงินลงทุนระยะยาว สิทธิบัตร และลิขสิทธิ์ สินทรัพย์ประเภทนี้มีสภาพคล่องต่ำและใช้ในการดำเนินงานระยะยาว
2. หนี้สิน (Liabilities) - ภาระผูกพันที่ต้องชำระ
หนี้สินคือสิ่งที่กิจการเป็นหนี้ต่อบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท:
หนี้สินหมุนเวียน ได้แก่ เจ้าหนี้การค้า หนี้ภาษี และเจ้าหนี้อื่นที่ต้องชำระภายในปีเดียว เหล่านี้เป็นภาระผูกพันระยะสั้นที่มีความเร่งด่วน
หนี้สินไม่หมุนเวียน ได้แก่ เงินกู้ระยะยาวจากธนาคาร หุ้นกู้ระยะยาว และภาระผูกพันอื่นที่ต้องชำระในระยะเวลาเกิน 1 ปี
3. ส่วนของเจ้าของ (Equity) - ส่วนแบ่งที่เจ้าของมี
ส่วนของเจ้าของคือสินทรัพย์สุทธิ = สินทรัพย์ทั้งหมด - หนี้สินทั้งหมด ประกอบด้วยเงินทุนที่ผู้ถือหุ้นลงทุน และกำไรสะสมจากการดำเนินกิจการในอดีต
2 รูปแบบหลักในการจัดทำงบดุล
งบดุลแบบบัญชี (T-Form) แสดงสินทรัพย์ด้านซ้าย หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของด้านขวา สร้างรูปตัว T ที่ง่ายต่อการอ่าน
งบดุลแบบรายงาน แสดงรายการเรียงตามลำดับ—สินทรัพย์ก่อน จากนั้นหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ เหมาะสำหรับรายงานการเงินที่ละเอียด
ทำไมชื่อเปลี่ยนเป็น “งบแสดงฐานะทางการเงิน”?
เดิมทีชื่อ “งบดุล” นั้นแค่แสดงว่าเอกสารนี้สมดุลทั้งสองด้าน แต่ไม่ได้บอกให้รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไร มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IFRS) จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “Statement of Financial Position” เพื่อให้ชื่อนี้สะท้อนให้เห็นว่าเอกสารนี้แสดงฐานะทางการเงินของกิจการอย่างชัดเจน ประเทศไทยจึงปรับชื่อตามมาเป็น “งบแสดงฐานะทางการเงิน”
งบดุลมีประโยชน์อย่างไรต่อผู้ใช้
สำหรับผู้บริหาร: ช่วยในการวางแผนทางการเงิน ตัดสินใจการลงทุน และติดตามเสถียรภาพทางการเงิน
สำหรับนักลงทุน: ช่วยประเมินว่าบริษัทมีเสถียรภาพทางการเงินหรือไม่ รวมถึงเลือกว่าจะลงทุนหรือไม่
สำหรับเจ้าหนี้: ช่วยประเมินความเสี่ยงในการให้เงินกู้ โดยดูจากโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สิน
วิเคราะห์สภาพคล่อง
ดูอัตราส่วนระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนกับหนี้สินหมุนเวียน ช่วยวัดว่าบริษัทจะชำระหนี้ระยะสั้นได้หรือไม่
วิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร
หากกำไรสะสมอยู่ในส่วนของเจ้าของมี แสดงว่าบริษัทสร้างกำไรได้ตลอดหลายปี ในทางตรงกันข้าม ขาดทุนสะสมอาจบ่งชี้ถึงปัญหาทางการดำเนินการ
วิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้
ดูจากอัตราส่วนหนี้สิน (Total Debt to Assets) เพื่อวัดความเสี่ยงทางการเงินโดยรวม
วิธีดูงบดุลของบริษัทที่สนใจ
นักลงทุนหลายคนสามารถเข้าไปดูงบดุลได้ที่ เว็บไซต์ Datawarehouse.dbd.go.th ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลทางการของประเทศไทย
ขั้นตอนการค้นหา:
วิธีการอ่านงบดุลให้เข้าใจ
เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จัก
ก่อนวิเคราะห์เลขท้องหลัง ต้องเข้าใจว่างบดุลแสดงข้อมูลแค่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ตลอดปี
เข้าใจโครงสร้าง 3 ส่วนหลัก
ฝ่ายซ้าย (สินทรัพย์) แสดงสิ่งที่บริษัทเป็นเจ้าของ ฝ่ายขวา (หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ) แสดงว่าเงินนั้นมาจากไหน
เปรียบเทียบในช่วงเวลาต่าง ๆ
ดูงบดุลของ 2-3 ปีย้อนหลัง เพื่อติดตามแนวโน้ม เช่น สินทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือลดลง หนี้สินเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ข้อควรระวังเมื่ออ่านงบดุล
ข้อมูลอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน
งบดุลถ่ายรูปฐานะการเงิน ณ วันที่จัดทำเท่านั้น ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลังจากนั้น งบดุลก็อาจไม่สะท้อนความเป็นจริง
อาจมีการปรับแต่ง
บางครั้งบริษัทอาจบิดเบือนตัวเลขเพื่อให้ฐานะการเงินดูดีกว่าความเป็นจริง ดังนั้นควรตรวจสอบกับรายงานการสอบบัญชีและข้อมูลอื่น ๆ
บริบทเศรษฐกิจมีความสำคัญ
สภาวะเงินเฟ้อ ความผันผวนของดอกเบี้ย หรือการลดค่าเงิน สามารถทำให้ตัวเลขในงบดุลเปลี่ยนแปลงได้มากโดยไม่สัมพันธ์กับประสิทธิภาพของกิจการ
สรุป
งบดุล คือ เอกสารทางการเงินที่เป็นรากฐานของการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยแสดง balance ระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ การเข้าใจวิธีอ่านและวิเคราะห์งบดุลจะช่วยให้คุณทำการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบรู้ และประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม งบดุลเพียงอย่างเดียวไม่พอ ควรศึกษาประกอบกับงบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนของสุขภาพทางการเงินของกิจการที่สนใจ